March 30, 2016

ยุ่งนักลักลูกสาวยากูซ่า & แสบท้าสืบ: สืบสวนฮาเฮ



ยุ่งนักลักลูกสาวยากูซ่า & แสบท้าสืบ

แสบท้าสืบ เมื่อสามหนุ่มซ่าต้องไคดีฆ่าในห้องปิดตาย
แปลและเรียบเรียงจาก Manabai Tantai-tachi no Gakuen
ฮิวาชิกาวะ โทคุยะ เขียน
สมเกียรติ เชชวงกิจวณิช แปล


โทรุเป็นเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเรียนใน 'โรงเรียนโคะอิกะคุโบะ' ได้ไม่นาน เขาค้นพบว่า ณ โรงเรียนแห่งนี้มีชมรมประหลาดๆอยู่เต็มไปหมด เขาตัดสินใจว่าจะเข้าร่วมชมรมวรรณศิลป์ แต่ทว่าเขาดันไปเข้าร่วมชมรมนักสืบที่มาแอบใช้ห้องชมรมวรรณศิลป์ซะนี่ ถึงจะเรียกว่าชมรมนักสืบแต่เอาเข้าจริงๆมันก็เป็นแค่ชมรมคนอ่านนิยายสืบสวนเท่านั้น ผลสุดท้ายโทรุก็ได้รุ่นพี่เพี้ยนๆสองคน คือ ริวจิ และ เคียวสึเกะ มาเป็นเพื่อนร่วมชมรม

นอกจากจะเข้าชมรมผิด(คิดจนตัวตายแล้ว) สามหนุ่มชมรม(คนอ่านนิยาย)นักสืบยังจับพลัดจับผลูไปอยู่ในเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโรงเรียน แถมยังไม่ใช่คดีฆาตกรรมธรรมดาแต่เป็น คดีฆาตกรรมในห้องปิดตาย มีหรือที่สามหนุ่มชมรม(คนอ่านนิยาย)นักสืบจะอยู่เฉย


ยุ่งนักลักลูกสาวยากูซ่า
แปลและเรียบเรียงจาก Mou Yukai Mante Shinai
ฮิวาชิกาวะ โทคุยะ เขียน
พรพิรุณ กิจสมเจตน์ แปล

โชทาโร่ตัดสินใจช่วยรุ่นพี่ขายทาโกะยากิแก้เซ็งช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ในขณะที่กำลังขับรถหาทำเลค้าขายใหม่ๆนั้นโชทาโร่ได้บังเอิญชช่วยเด็กสาวนักเรียนมัธยมไว้จากพวกยากูซ่า ทว่าเหมือนหนังที่จบแบบหักมุมเด็กสาวคนนั้นกลับกลายเป็นลูกสาวของหัวหน้าแก๊งยากูซ่าที่กำลังถูกลูกน้องของพ่อมาตามตัวให้กลับบ้าน ซ้ำสาวเจ้ายังขอให้โชทาโร่ช่วยลักพาตัวเธอเพื่อเรียกค่าไถ่อีกด้วย

แค่ลำพังการลักพาตัวลูกสาวยากูซ่าโชทาโร่ก็แทบเอาตัวไม่รอด นี่ยังต้องการพัวพันกับคดีแบงค์ปลอมและคดีฆาตกรรมอีก


สิ่งที่เหมือนกันระหว่างสองเรื่องนี้นอกจากคนแต่งคนเดียวกันแล้ว คือแนวฆาตกรรมสืบสวนแบบคอมเมดี้ฮาเฮ นับว่าเป็นคนธีมในนิยายของตัวเองได้ดีทีเดียว ทั้งภาษาในการเขียน คำพูดคำจาและท่าทางของตัวละครในเรื่องมันชวนให้นึกถึงอนิเมะและซีรี่ส์ญี่ปุ่นที่มีการแสดงแนวล้นๆ (คนที่เคยดูซีรีย์ญี่ปุ่นคงจะนึกออก) ค่อนข้างห่างไกลความสมจริงมาก ถ้าถามว่าเรื่องไหนเข้าท่ากว่ากันคงต้องบอกว่าแสบท้าสืบนั้นครบรสกว่า ส่วนเรื่องลักลูกสาวยากูซ่านั้นพล็อตค่อนข้างสะเปะสะปะ ผูกปมต้นเรื่องได้หนักแน่นดี แต่กลับคลายปมตอนจบได้อย่างแผ่วเบาและห้วนเสียเหลือเกินจนนึกว่าสำนักพิมพ์ทำหน้ากระดาษตอนจบหายไปหรือเปล่า

แต่ถ้าคิดตามหลักที่ว่าอย่าหาความดราม่าในเรื่องตลก และอย่าหามุกตลกที่ขำน้ำตาเล็ดในเรื่องดราม่า ในฐานะที่เป็นนิยายแนวสืบสวนแบบคอมเมดี้หนังสือทั้งสองเล่มนี้ก็สนุกมากเลยทีเดียว (จขบใช้เวลาอ่านแค่เล่ม 2 วันเอง อ่านง่ายอ่านคล่องมากไม่ต้องปิดหนังสือเพื่อนวดขมับบ่อยๆ (ฮา))


Read More

December 10, 2015

[BL Novel] Kodomo no Hitomi by Konohara Narise

*คำเตือน*
นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายแนว "Boy's Love" หรือ "ชายรักชาย"



Kodomo no Hitomi
こどもの瞳
Innocent Eyes
Story: Konohara Narise | Illust: Machiko Madoka
Denki Iruka แปลไทย

ปกติไม่เป็นคนไม่ชอบอ่านแนว incest ไม่ว่าจะแบบปกติหรือแบบ BL พี่น้องที่โตมาด้วยกันแล้วมารักกันฉันท์คนรักนี่ขอบายจริงๆ แต่ถ้าเป็นพวกพี่น้องที่พลัดพรากจากกันไปนานนี่พอได้อยู่ แต่สำหรับนิยายเรื่องนี้เราตั้งใจซื้อมาอ่านทั้งๆที่รู้ว่าเป็นแนว incest เพราะ อ.โคโนฮาระ นาริเสะ ที่เป็นนักเขียนนิยาย BL คนโปรดของเรา

เนื้อเรื่องของนิยายเล่มนี้มีอยู่ว่า มิซากิอาศัยอยู่กับโจทาโร่ลูกชายด้วยกัน 2 คน ถึงแม้ว่าภรรยาจะเสียไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะยากจนข้นแค้นไปสักนิดแต่ทั้งคู่ก็อยู่กันอย่างปกติสุขดี จนกระทั่งวันหนึ่งเขากลับจำเป็นต้องรับอุปการะฮิโตชิ พี่ชายที่แยกจากกันไปตั้งแต่เด็กๆ ฮิโตชินั้นประสบอุบัติเหตุทำให้ความทรงจำย้อนกลับไปเป็นเด็กอายุ 6 ขวบ พูดง่ายๆก็คือเขาต้องเลี้ยงดูพี่ชายที่โตแต่ตัว แต่ทั้งสมอง ความทรงจำ และความคิดความอ่านเป็นแค่เด็ก 6 ขวบเท่านั้น

เรื่องทั้งหมดจะดำเนินไปด้วยดีถ้าฮิโตชิและมิซากิเป็นพี่น้องที่รักใคร่กลมเกลียวกันดี แต่ดราม่ามันอยู่ที่ว่าสองคนนี้เป็นพี่น้องที่แยกจากกันมานาน และมิซากิเกลียดฮิโตชิเอามากๆ

พ่อกับแม่ของทั้งคู่หนีตามกันมา โดยที่ฝ่ายพ่อนั้นเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐี หลังจากที่พ่อกับแม่ตาย มิซากิและฮิโตชิถูกเลี้ยงดูมาโดยผู้เป็นยาย แต่จู่ๆปู่ของทั้งคู่ก็มาบอกว่าต้องการตัวเด็กคนหนึ่งไปเป็นทายาทสืบทอดบริษัท และคนที่ถูกพาตัวไปก็คือฮิโตชิ มิซากิไม่ได้เจอฮิโตชิอึกเลยหลังจากนั้น จนกระทั่งภรรยาของมิซากิป่วยจำเป็นต้องผ่าตัดและต้องใช้เงินจำนวนมาก เขาต้องบากหน้าไปขอยืมเงินจากฮิโตชิถึงที่บริษัท หวังว่าฮิโตชินั้นจะยังเหลือเยื่อใยในฐานะพี่น้องร่วมสายเลือดบ้าง แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา นั่นเองที่เป็นสาเหตุใให้มิซากิเกลียดฮิโตชิจับใจ 

หลังจากอ่านจบมันก็เกิดความรู้สึกที่ผสมผสานกันระหว่างคำว่า ชอบ และ ไม่ชอบ เอาเข้าจริงๆจนกระทั่งถึงตอนที่เขียนรีวิวอันนี้ขขึ้นมาเราก็ยังติดสินใจไม่ได้ว่าจะ ชอบ หรือ ไม่ชอบนิยายเรื่องนี้กันแน่ เราชอบความสัมพันธ์ระหว่างมิซากิและฮิโตชิที่กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง รู้สึกว่ามันน่ารักดี แต่นขณะเดียวกันเราก็รู้สึกว่าการที่มีเซ็กซ์กับเด็กอายุ 6 ขวบนี่มันออกจะ creepy ไปหน่อย (ขอใช้ทับศัพท์ภาษาอังกฤษเพราะภาษาไทยออกจะดูรุนแรงไป) ถึงร่างกายจะเป็นผู้ใหญ่ก็เถอะ

ในช่วงแรกของเรื่องมิซากิเกลียดฮิโตชิมาก การที่มิซากิเอาความเกลียดชังที่มีต่อฮิโตชิที่เป็นผู้ใหญ่มาลงกับฮิโตชิที่เป็นเด็กนั้นตอนอ่านเรารู้สึกอึดอัดและทรมาณมาก อ.โคโนฮาระเป็นนักเขียนนิยายที่เก่งมากที่ทำให้เรามีความรู้สึกร่วมกับตัวละครได้ถึงขนาดนี้ การที่มิซากิเกลียดฮิโตชินี่พอเข้าใจได้ แต่เอามาลงกับเด็ก 6 ขวบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่ก็เกินไปหน่อย แต่ในที่สุดแล้วมิซากิก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้และเริ่มเอ็นดูฮิโตชิมากขึ้นเรื่อยๆ  ตอนที่ทั้ง 3 คนอยู่ด้วยกัน มิซากิ ฮิโตชิ และโจทาโร่ ดูน่ารักและอบอุ่นมากสำหรับเรา  

อ่านนิยายวายอยู่แท้ๆแต่ไม่มีความรู้สึกอยากให้พระเอกกะนายเอกได้กันเลย อยากให้อยู่กันแบบครอบครัวมากกว่า ชีวิตกำลังราบรื่นอยู่ดีๆ อ.โคโนฮาระก็ดันมาหักดิบกันเร็วแบบไม่ทันตั้งตัวให้ฮิโตชิกลับไปเป็นผู้ใหญ่ซะอย่างงั้น นิสัยของฮิโตชิที่เป็นผู้ใหญ่นั้นไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไรนักสำหรับเรา คูณพี่ชายเงียบเกินไปเก็บอารมณ์เก่งเกินไป ดูไม่น่าไปด้วยกันได้กับมิซากิ เลยทำให้ไม่ชอบตอนจบไปโดยปริยาย ตอนอ่านรู้สึกว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่น่าอึดอัดนะ ระหว่างมิซากิกับฮิโตชิที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ถึงแม้ว่าทั้งสองจะใจตรงกัน แต่ก็ไม่มีความฟินเลยแม้แต่น้อย เรารู้สึกว่ามิซากิรักฮิโตชิที่เป็นเด็กมากกว่า

มีตอนพิเศษแถมท้ายเป็นเรื่องของโจทาโร่ กับคุณครูโดโมโตะ เรื่องนี้น่ารักมาก เจ้าของบล็อคชอบมากกว่าตอนหลักร้อยเท่า ถึงจะเป็นตอนสั้นๆแต่ก็ลงตัวทั้งความสัมพันธ์ของโจทาโน่กับคูณครูทั้งตอนจบ อ่านแล้วหลงรักหนู่โจขึ้นมาทันที
Read More

November 27, 2015

John Wick: It's not "just a dog"



John Wick (2014)
Directors: Chad Stahelski, David Leitch
Stars: Keanu Reeves, Michael Nyqvist, Alfie Allen
Genres: Action | Thriller

การเลือกซื้อหนังสักเรื่องบางทีมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าหนังเรื่องนั้นได้คะแนนคำวิจารณ์ดีเลิศแค่ไหน บางครั้งการที่มีดาราคนโปรดของเรามาโลดแล่นอยู่ในหนังเรื่องนั้นมันก็คุ้มค่าที่จะเสียทรัพย์ แน่นอนว่าเรื่อง John Wick เองก็เช่นกัน การที่พี่คีนู รีพส์ที่เป็นดาราคนโปรดตลอดกาลของเรามาแสดงนำมันก็ทำให้เราเสียเงิน 89 บาทซื้อหนังเรื่องนี้กลับบ้านมาได้อย่างไม่ยากเย็น

ได้ดูเทรลเลอร์องหนังเรืองนี้ในโรงภาพยนตร์ ตอนนั้นคิดว่าน่าดูดีแฮะ ต่อมาก็ได้ผ่านหูผ่านตามาบ้างว่าเป็นหนังของเฮียคีนู รีฟส์ที่คะแนนวิจารณ์หนังค่อนข้างดี ช่วงหลังๆมานี้แกเล่นหนังไม่ค่อยเวิร์คหลายเรื่องมาก แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ดูสักทีจนกระทั่งมันออกเป็นแผ่นแล้วลดราคาเหลือ 89 บาท (ฮา) ดังนั้นเราจึงดูหนังเรื่องนี้แบบไม่คาดหวังอะไรกับมันมาก แค่พี่คีนูออกมายิงปืนบู๊ระห่ำแบบเท่ๆหล่อๆก็พอใจล่ะ 

เรื่องนี้พี่คีนูรับบทเป็น จอห์น วิค อดีตนักฆ่าที่ถอนตัวออกจากวงการไปแต่งงานใช้ชีวิตปกติธรรมดากับสาวคนรัก แต่โชคร้ายที่สาวเจ้าดันจากไปก่อนวัยอันควรเพราะโรคร้าย แน่นอนว่าพี่จอห์นของเราต้องหมดอาลัยตายอยากเหมือนโลกทั้งใบถล่มทะลาย แต่คุณภรรยาเหมือนจะเป็นห่วงคุณสามีจึงได้ส่งน้องหมาน่าตาน่ารักมาอยู่เป็นเพื่อน ด้วยคำสั่งเสียที่ว่า ฉันจากไปคุณคงเสียใจ แต่ก็ไม่อยากให้คุณหมดรักในโลกใบนี้ (คุณภรรยาแกคงไม่อยาหให้พี่จอห์นกลับไปเป็นนักฆ่า) ถ้าไม่รู้จะเริ่มจากอะไรก็เริ่มจากเจ้าตัวนี้ก่อนก็แล้วกัน


หลังจากได้น้องหมามาอยู่ด้วยชีวิตของจอห์นก็เหมือนจะเข้าที่เข้าทางอีกครั้ง แต่แล้วโชคร้ายก็มาเยือนจอห์นอีกคราเมื่อรถของเขาดันไปถูกใจลูกชายมาเฟียรัสเซีย (รับบทโดย อัลฟี่ อัลเลน) เข้า และเพราะจอห์นไม่ยอมขายรถให้ คุณลูกชายมาเฟียแกเลยมาบุกบ้านพี่จอห์นแล้วขโมยรถไป เท่านั้นยังไม่พอยังซ้อมพี่จอห์นและฆ่าน้องหมาอีกต่างหาก ทำขนาดนี้มีพรือที่อดีตนักฆ่าอย่างจอห์น วิคจะยอมได้ และเมื่อได้รู้ว่าคนร้ายเป็นลูกชายของอดีตบอส การตามตัวคงไม่ยากนัก การหวนกลับคืนสู่วงการนักฆ่าเพื่อแก้แค้นจึงเริ่มต้นขึ้น

แนวของหนังก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแนวแอคชั่น ดังนั้น 90 เปอร์เซ็นของเรื่องเราจะได้เห็นพี่คีนูในบทจอห์น วิคลุยเดี่ยวบุกทะลวงรังมาเฟียเพื่อตามล่าหาตัวลูกชายเจ้าพ่อมาเฟีย ซึ่งในบทแอคชั่นพี่คีนูคะแนนเต็มสิบเอาไปเลยร้อยคะแนนเต็ม ถึงจะเป็นหนังแอคชั่นแต่ก็ไม่เวิ่นเว้อไม่ยืดยาด ตอนดูไม่มีความคิดที่ว่า พวกเอ็งจะต่อยกันอีกนานมั้ยเลยแม้แต่น้อย ดูเพลินจนแอบคิดว่า อ้าว จะจบแล้วเหรอ ทำไมเร็วแบบนี้



เสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของหนังเรื่องนี้นอกจากฉากบู๊นั้นก็คือ "โลกของจอห์น วิค" ทั้งโรงแรมที่เป็นเสมือนสถานที่พักรบของบรรดานักฆ่า, เจ้าของโรงแรม, เหรียญทอง, กลุ่มคนที่โผล่มาเก็บศพ สิ่งต่างๆที่โผล่มาในหนังเรื่องนี้โดยไม่มีการอธิบายเยิ่นเย้ออย่างองค์กรโรงแรมนี้คืออะไรทำไมบรรดานักฆ่าถึงเกรงนักหรือเหรียญทองมีไว้ทำอะไร ทำให้ธีมของหนังเรื่องนี้ดูลึกลับน่าค้นหา

ถึงจอห์น วิคจะเป็นหนังแอคชั่น แต่ก็ไม่ลืมที่ใส่ความดราม่าเข้ามา ว่ากันด้วยพล็อตเรื่องหลักของหนังเรื่องนี้ หลายคนอาจคิดว่าอะไรกันแค่หมาตัวเดียวต้องแค้นขนาดนี้เลยเหรอ มาย้อนกลับไปดูยังจุดเริ่มต้น พี่จอห์นเป็นนักฆ่าเลือดเย็น การที่นักฆ่าอย่างเขายอมถอนตัวออกจากวงการแล้วมาแต่งงานใช้ชีวิตปกติชนได้นี่คิดดูว่าพี่จอห์นต้องรักผู้หญิงคนนี้ที่เป็นภรรยาของเขามากแค่ไหน และหมาตัวนั้นเป็นเหมือนของดูต่างหน้าของภรรยาสุดที่รักที่เพิ่งจากไป เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ใช่แค่หมาตัวเดียว (ไม่ได้แค่ฆ่าน้องหมาอย่างเดียว พี่จอห์นทั้งถูกซ้อมทั้งถูกขโมยรถ เป็นคนปกติธรรมดาก็แค้น นี่พี่จอห์นเราเป็นถึงอดีตนักฆ่า)



ปล. ลุงวิลเลี่ยม เดโฟ ที่มารับบทเป็นนักฆ่าเพื่อนพี่จอห์นเท่มาก กรี๊ดเลยอ่ะ (สมาคมนิยมลุง)
Read More

November 22, 2015

Cloud Atlas: เมฆาสัญจร


Cloud Atlas เมฆาสัญจร
David Mitchell เขียน
จุฑามาศ แอนเนียน แปล
สำนักพิมพ์มติชน

สาเหตุที่หยิบหนังสือเล่มยักษ์ที่ดูท่าทางอ่านยากเรื่องนี้ขึ้นมาอ่านเป็นเพราะว่าได้ข่าวว่ากำลังมีการสร้างภาพยนตร์จากหนังสือเล่มนี้ และจากที่ได้ชมเทรลเลอร์บางส่วน ตั้งใจว่าจะอ่านหนังสือให้จบแล้วค่อยดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์ แต่จนแล้วจนรอดจนเขียนเอนทรี่นี้เสร็จเจ้าของบล็อคก็ยังไม่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เลยสักครั้ง

สารภาพตามตรงว่าเป็นหนังสือที่อ่านยากมากและไม่ใช่แนวเลยแม้แต่น้อย ที่มาเขียนรีวิวก็เป็นเพราะว่าประทับใจในการเล่าเรื่องที่มีความพิเศษกว่าหนังสือเรื่องอื่นๆที่เราเคยอ่านมา และการเชื่อมโยงกันระหว่างเรื่องสั้นทั้ง 6 เรื่อง  เพราะฉะนั้นถ้าจะถามหาการรีวิวแบบตีความที่ลึกล้ำนั้นก็ขอบอกเลยว่าไม่มี (ฮา)


Cloud Atlas ประกอบด้วยเรื่องสั้น 6 เรื่อง 

  1. บันทึกท่องแปซิฟิกของอดัม อีวิง
  2. จดหมายจากเซเดลเกม
  3. ครึ่งชีวิต-เรื่องลึกลับองหลุยซา เรย์
  4. วิบากกรรมสยองของทิโมธี คาเวนดิช
  5. คำให้การของซอนมี~451
  6. ช่องสลูซาและเรื่องต่อมาหลังจากนั้น

และมีการเรียงลำดับเนื้องเรื่องแบบ 1 2 3 4 5 6 5 4 3 2 1 แต่ละตอนจะแบ่งออกเป็นสองบท โดยมีตอนช่องสลูซาฯขั้นกลางและเป็นเพียงตอนเดียวที่จบในบท ถ้าจะเรียงลำดับตอนตามหนังสือก็จะได้ประมาณนี้

  1. บันทึกท่องแปซิฟิกของอดัม อีวิง (ตอนต้น)
  2. จดหมายจากเซเดลเกม (ตอนต้น)
  3. ครึ่งชีวิต-เรื่องลึกลับองหลุยซา เรย์ (ตอนต้น)
  4. วิบากกรรมสยองของทิโมธี คาเวนดิช (ตอนต้น)
  5. คำให้การของซอนมี~451 (ตอนต้น)
  6. ช่องสลูซาและเรื่องต่อมาหลังจากนั้น
  7. คำให้การของซอนมี~451 (ตอนท้าย)
  8. วิบากกรรมสยองของทิโมธี คาเวนดิช (ตอนท้าย)
  9. ครึ่งชีวิต-เรื่องลึกลับองหลุยซา เรย์ (ตอนท้าย)  
  10. วิบากกรรมสยองของทิโมธี คาเวนดิช (ตอนท้าย)
  11. จดหมายจากเซเดลเกม (ตอนท้าย) 
  12. บันทึกท่องแปซิฟิกของอดัม อีวิง (ตอนท้าย)

เรื่องสั้นทั้ง 6 เกิดขึ้นต่างยุคสมัยกัน และแทบจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย ตัวเอกของแต่ละตอนต่างก็มีปานรูปดาวหางเป็นจุดที่เหมือนกัน จะยกเว้นก็แต่ตอนช่องสลูซาฯเท่านั้นที่คนที่มีปานรูปดาวหางคือเมโรนิมไม่ใช่แซครีที่เป็นผู้เล่าเรื่อง นอกจากนี้ยังมีการส่งต่อเรื่องราวของตอนก่อนหน้ามายังตอนถัดมาผ่านทางสื่อต่างๆ เช่น โฟรบิชเชอร์ได้อ่านบันทึกของอดัม อีวิง, หลุยซาได้ฟังแผ่นเสียงของเพลงที่โฟรบิชเชอร์แต่งทิ้งไว้, ทิโมธีได้อ่านนิยายเรื่องครึ่งชีวิตของหลุยซา, ซอนมีได้ดูหนังที่สร้างจากเรื่องของทิโมธี ทั้งสองสิ่งนี้เป็นจุดเชื่อมโยงเรื่องราวทั้ง 6 เข้าด้วยกัน 

บันทึกท่องแปซิฟิกของอดัม อีวิง
เรื่องแรกของเรื่องสั้นทั้ง 6 อดัม อีวิง ทนายชาวอเมริกันได้เขียนบันทึกเรื่องราวของตนขณะโดยสารเรือมายังหมู่เกาะในทะเลแปซิฟิก ที่นั่นเขาได้พบกับนายแพทย์เฮนรี่ กูส และได้ช่วยเหลือชาวเผ่าโมริโอรินามเอาทัวเอาไว้
  
จดหมายจากเซเดลเกม
ในปี 1931 จดหมายจากโรเบิร์ต โฟรบิชเชอร์นักเรียนอุปรากรตกอับ ที่ส่งถึงเพื่อนรัก รูฟัส ซิกซ์สมิธ ว่าด้วยเรื่องที่ตนเองดั้นด้นมายังคฤหาสน์เซเดลเกมที่เป็นที่อยู่องวิฟเวียน แอร์ส อดีตนักอุปรากรชื่อดังที่ตอนนี้ตกอับเพราะโรคร้าย โฟรบิชเชอร์ตั้งใจจะมาขอให้แอร์สรับตนไว้ทำหน้าที่เป็นอาลักษณ์เพื่อจะได้เรียนรู้วิชาดนตรีจากแอร์ส

ครึ่งชีวิต-เรื่องลึกลับองหลุยซา เรย์
หลุยซา เรย์ ลูกสาวของนักข่าวสงครามผู้โด่งดัง เธอได้พบกับซิกซ์สมิธนักวิทยาศาสตร์ผู้กุมความลับของสถานีพลังงานนิวเคลียร์สวอนเนกก์ นั่นทำให้เธอได้เริ่มต้นสืบเรื่องราวไม่ชอบมาพากลของสถานีพลังงานนิวเคลียร์แห่งนี้ ซึ่งงานนี้จะทำให้เธอตกอยู่ในอันตรายถึงชีวิต

วิบากกรรมสยองของทิโมธี คาเวนดิช
เจ้าของสำนักพิมพ์วัยชรา ทิโมธี คาเวนดิช ผู้ต้องการหนีเจ้าหนี้จนต้องหันไปพึ่งน้องชายที่ไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ น้องชายของเขาเสนอที่กบดานปลอดภัยแห่งหนึ่งให้ ทิโมธีตอบตกลงทันทีโดยไม่สงสัย แต่ทว่าสถานที่แห่งนั้นกลับกลายเป็นบ้านพักคนชรา ทิโมธีรู้สึกเหมือนถูกจับมาเข้าคุก เขาจะต้องหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้ให้ได้

คำให้การของซอนมี~451
ซอนมี~451 เป็นมนุษย์สังเคราะห์ในยุคสมัยที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการก้าวหน้า เธอถูกจับมาสอบสวนข้อหาก่อกบฎเพื่อปลดปล่อยตัวเองจากการเป็นทาสของมนุษย์พันธุ์แท้

ช่องสลูซาและเรื่องต่อมาหลังจากนั้น
เรื่องเล่าของแซครีในยุคสมัยที่อารยธรรมล่มสลายไปแล้ว 

เนื้อเรื่องมีลักษณะการเล่าแบบวนลูป ราวกับจะบอกว่าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาตินั้นก็วนอยู่ที่เดิม คนป่า/คนเถื่อน -> เริ่มต้นสร้างอารยธรรม -> รุ่งเรือง -> รุ่งเรืองแบบสุดๆเทคโนโลยีล้ำยุค -> ล่มสลาย แล้วก็กลับมาสู่ยุคคนป่าอีกครั้ง วนเวียนไปมาอย่างนี้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะพัฒนาไปไกลแค่นั้น มนุษย์ก็ยังคงทำผิดซ้ำรอยเดิม การทรยศหักหลัง, ทาส, เหยียดผิว, การกดขี่ผู้ที่อ่อนแอกว่า เรื่องพวกนี้ก็ยังปรากฎอยู่ในทุกยุคทุกสมัย 

ถ้าจะว่าถึงความชอบส่วนตัว ตอนของอดัม อีวิงสำหรับเราแล้วอ่านยากที่สุด อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์ของชนเผ่าต่างๆ แถมภาษายังออกแนวโบราณๆหน่อย อ่านไปได้ 3-4 หน้าก็ถึงกับต้องเลิกอ่านไป 1 อาทิตย์เต็มๆ พอทำใจได้แล้วก็เริ่มกลับมาอ่านใหม่ เกือบอ่านเล่มนี้ไม่จบเพราะพ่ออีวิงนี่แหละ (ฮา) พอมาถึงตอนของโฟรบิชเชอร์นี่ได้ความวายระหว่างโฟรบิชเชอร์กับซิกซ์สมิธช่วยชีวิตแท้ๆ ทำให้การอ่านหนังสือเล่มนี้ของเราเดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ตอนที่ชอบที่สุดคือตอนของหลุยซาอ่านง่ายแบบไม่ต้องคิดอะไรมากดีเช่นเดียวกันกับตอนชองทิโมธี ส่วนตอนของซอนมีกับแซครีนั้นแนวคิดล้ำเกินไปกว่าที่สมองอันน้อยนิดของเราจะเข้าใจได้เป็นสองตอนที่อ่านยังไงก็ไม่เข้าใจ



ปล. เจ้าของบล็อคจะพยายามหาหนังเรื่องนี้มาดูให้ได้ และถ้ามีโอกาสก็จะเขียนเกี่ยวกับฉบับภาพยนตร์อีกครั้ง
ปล2. อยากเขียนเวิ่นเว้อถึงโฟรบิชเชอร์กับซิกซ์สมิธด้วย แต่คงเป็นหลังจากตอนที่ได้ดูหนังแล้วเช่นกัน (แอบชอบพี่เบน วิชอว์ที่แสดงเป็นโฟรบิชเชอร์ล่ะ)

Read More